5/6/55

nidtongunya :)








  
Je m'applle Gunya BURINWATTANA

J'ai 17 ans.


J'habite à  Hua-Hin.


J'aime la musique.


Je n' aime pas les maths.


Je voudrais étre chanteuse.


    

สถานที่่้ท่องเที่ยว /

การท่องเที่ยวประเทศฝรั่งเศส (France) หรือ สาธารณรัฐฝรั่งเศส (French Republic) คืออีกหนึ่งประเทศท่องเที่ยวที่ถือว่าเป็นศูนย์กลางทางด้านการท่องเที่ยวที่ตั้งอยู่ ในภูมิภาคยุโรปตะวันตก ที่ประกอบไปด้วยเกาะและดินแดนอื่น ๆ ในต่างทวีป ประเทศฝรั่งเศสแผ่นดินใหญ่ทอดตัวตั้งแต่ทะเลเมดิเตอร์เรเนียนจนถึงช่องแคบอังกฤษ และทะเลเหนือ และจากแม่น้ำไรน์จนถึงมหาสมุทรแอตแลนติก โดยมีกรุงปารีสเป็นเมืองหลวงของประเทศ 






มหานครปารีส 

     การท่องเที่ยวปารีส หรือ มหานครปารีส (Paris) เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับต้นๆของทวีปยุโรป จนมีคำกล่าวที่ว่าถ้าจะไปเที่ยวฝรั่งเศสก็ต้อง ไปปารีสนั่นเอง กรุงปารีส ตั้งอยู่บนแม่น้ำแซน บริเวณตอนเหนือของประเทศฝรั่งเศส บนใจกลางแคว้นอีล-เดอ-ฟร็องส์ (Ile de France) แคว้นที่ตั้งอยู่บริเวณกลาง ประเทศเยื้องไปทางทางทิศเหนือ








มหานครปารีส 

     กรุงปารีส คือหนึ่งเมืองที่องค์การยูเนสโก (Unesco) ได้รับการประกาศให้เป็นเมืองมรดกโลกในปี 1991 นอกจากนี้แล้วกรุงปารีสยังเป็นเมืองที่ได้รับการขนานนามว่าเป็น เมืองหลวงแห่งแฟชั่นของประเทศฝรั่งเศสอีกด้วย สำหรับการท่องเที่ยวในกรุงปารีสนั้น สถานที่ท่องเที่ยวในปารีสแห่งแรกที่อยากแนะนำให้คุณไปเยือน คือ หอไอเฟล (Eiffel Tower) สัญลักษณ์ของฝรั่งเศส เป็นหอคอยโครงสร้างเหล็กที่ตั้งอยู่บนชองป์ เดอ มารส์ (Champ de Mars) บริเวณแม่น้ำแซน 






หอไอเฟล

     หอไอเฟล มีความสูง ประมาณ 300 เมตร (986 ฟุต) ซึ่งไม่รวม เสาอากาศ 24 เมตร (72 ฟุต) ถูกสร้างขึ้นในช่วงระหว่างปี พ.ศ. 2430 - พ.ศ. 2432 (2 ปี 2 เดือน 5 วัน) ปัจจุบันถือว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีความสำคัญและมีชื่อเสียง ทั้งยังเป็นสิ่งก่อสร้างที่สูงเป็นอันดับที่ 5 ในประเทศฝรั่งเศสและสูงที่สุดในกรุงปารีส และเป็นหนึ่งในสิ่ง ก่อสร้างที่มีชื่อเสียงที่สุดในโลกอีกด้วย






  พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์

     พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์ เปิดให้สาธารณะชนเข้าชมได้เมื่อปี พ.ศ. 2336 (ค.ศ. 1793) มีประวัติความเป็นมายาวนานตั้งแต่สมัยราชวงศ์กาเปเซียง ตัวอาคารเดิมเคยเป็น พระราชวังหลวง ซึ่งปัจจุบันเป็นสถานที่ที่จัดแสดงและเก็บรักษาผลงานทางศิลปะที่ทรงคุณค่าระดับโลกเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น ภาพเขียนโมนาลิซา, The Virgin and Child with St. Anne, Madonna of the Rocks ผลงานของเลโอนาร์โด ดาวินชี หรือภาพ Venus de Milo ของอเล็กซานดรอสแห่งแอนทีออก ในปี พ.ศ. 2549 






 พิพิธภัณฑ์ลูฟวร์

     ต่อมาขอแนะนำให้คุณไปเยือน มหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส (Cathédrale Notre-Dame de Paris) มหาวิหารที่ได้รับการขนานนามว่ามีความสวยงามที่สุดในแบบกอธิ คฝรั่งเศส โดยมหาวิหารตั้งอยู่ทางฝั่งตะวันออกของกรุงปารีส ปัจจุบันมหาวิหารก็ยังใช้เป็นโบสถ์ของคริสตจักรโรมันคาทอลิกและเป็นที่ตั้งอาสนะของอาร์ชบิชอปแห่ง ปารีสอีกด้วย 






มหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส 

     จากนั้นขอแนะนำให้คุณไปเยือน จัตุรัสชาร์ล เดอ โกล (Place Charles de Gaulle) หรือในอดีต จัตุรัสแห่งดวงดาว (Place de l'Étoile) เป็นจัตุรัสที่มีชื่อเสียงและมี ความสำคัญทางประวัติศาสตร์ของกรุงปารีส ตรงกลางของจัตุรัสเป็นที่ตั้งของประตูชัยฝรั่งเศสอีกด้วย จัตุรัสชาร์ล เดอ โกลเป็นส่วนหนึ่งของแกนกลางอันเก่าแก่ (Axe historique) อันเลื่องชื่อของกรุงปารีส 






มหาวิหารน็อทร์-ดามแห่งปารีส 

     จัตุรัสชาร์ล เดอ โกล เป็นย่านการค้าที่ประกอบด้วยโรงละคร คาเฟ่ และร้านค้าหรูหรา สองข้างทางมีต้นเกาลัดที่ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามปลูกเรียงราย ชื่อ "ช็องเซลี เซ" มาจากคำว่า "ทุ่งเอลิเซียม" จากเทพปกรณัมกรีกในภาษาฝรั่งเศส






อาร์กเดอทรียงฟ์เดอเลตวล หรือ ประตูชัยฝรั่งเศส

    ประตูชัยฝรั่งเศส ตั้งอยู่กลางจัตุรัสชาร์ล เดอ โกล (Place Charles de Gaulle) หรือเป็นที่รู้จักกันในนาม "จัตุรัสแห่งดวงดาว" (Place de l'Étoile) อยู่ทางทิศตะวันตก ของช็องเซลีเซ ประตูชัยแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นการสดุดีวีรชนทหารกล้าที่ได้ร่วมรบเพื่อประเทศฝรั่งเศส โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสงครามนโปเลียน





carte du parcours global du Tour de France


TOUR DE FRANCE 2012

Running from Saturday June 30th to Sunday July 22th 2012, the 99th Tour de France will be made up of 1 prologue and 20 stages and will cover a total distance of 3,497 kilometres.
These stages have the following profiles:

Distinctive aspects of the race

  • 9 flat stages
  • 4 medium mountain stages - one with a summit finish
  • 5 mountain stages - two with a summit finish
  • 2 individual time-trial stages
  • 1 prologue
  • 2 rest days



9 new stage towns

Abbeville, Annonay Davézieux, Bellegarde-sur-Valserine, La Planche des Belles Filles, Peyragudes, Porrentruy, Samatan, Tomblaine, Visé


















ชาวฝรั่งเศสได้ประธานาธิบดีคนใหม่แล้ว โดยนายฟรองซัว ออลลองด์ จากพรรคสังคมนิยม คว้าชัยชนะในศึกเลือกตั้งประธานาธิบดีรอบที่ 2 ตามความคาดหมาย ท่ามกลางการจับตามองจากทั่วโลก โดยเฉพาะยุโรปซึ่งกำลังเผชิญกับวิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรง
นายออลลองด์ วัย 57 ปีที่เรียกตัวเองว่า"MR.Normal" หรือ"คนธรรมดา"กลายเป็นผู้สมัครจากพรรคฝ่ายซ้ายคนแรกที่ก้าวขึ้นนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดีฝรั่งเศสในรอบ 17 ปี หลังจากเฉือนเอาชนะประธานาธิบดีนายนิโกลา ซาร์โกซี่ ไปด้วยคะแนน 51.6 เปอร์เซ็นต์ในการเลือกตั้งรอบที่สอง เมื่อวานนี้ โดยมีผู้ออกไปใช้สิทธิ์สูงถึง 81 เปอร์เซ็นต์
นายซาร์โกซี นับเป็นผู้ป้องกันตำแหน่งคนแรกของฝรั่งเศส ที่ต้องพ่ายแพ้ให้กับผู้ท้าชิงนับตั้งแต่ปี 1981 ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความไม่พอใจของประชาชนที่มีต่อนโยบายรัดเข็มขัด เพื่อแก้ไขวิกฤตเศรษฐกิจในยุโรป โดยออกมายอมรับความพ่ายแพ้ที่เกิดขึ้น พร้อมกับอวยพรให้นายออลลองด์โชคดี
ขณะที่นายออลลองด์ กล่าวว่ารู้สึกภูมิใจที่สามารถสร้างความหวังให้กับชาวฝรั่งเศสอีกครั้ง และว่าผลเลือกตั้งที่ออกมาเป็นการตอกย้ำว่า ฝรั่งเศสต้องการยกเลิกนโยบายรัดเข็มขัดของรัฐบาลชุดก่อน พร้อมประกาศสิ่งแรกที่จะทำ คือการเปิดเจรจาเพื่อแก้ไขสนธิสัญญาว่าด้วยการลดงบประมาณขาดดุลของชาติสมาชิกอียู โดยจะเสนอให้ใช้นโยบาบยกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจแทน ไม่ว่าจะเป็นการจ้างงานเพิ่ม และการขึ้นภาษีคนร่ำรวย ซึ่งนักเศรษฐศาสตร์โดยทั่วไปต่างก็มองว่าเป็นนโยบายที่ดี หากทุกประเทศนำนโยบายเดียวกันนี้ไปใช้ร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพ
ทั้งนี้ เยอรมนี และฝรั่งเศส ภายใต้การนำของซาร์โกซี ถือเป็นแกนนำในการทำสนธิสัญญาลดค่าใช้จ่ายเพื่อแก้ปัญญาหนี้สินยุโรป ซึ่งหลายฝ่ายเกรงว่า หากตกลงกันไม่ได้ ฝรั่งเศสจะถอนตัวออกจากยูโรโซน
อย่างไรก็ตาม นางแองเกล่า เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี โทรศัพท์มาแสดงความยินดีกับนายออลลองด์ ซึ่งมีแผนจะเดินทางเยือนกรุงเบอร์ลิน ของเยอรมนี เป็นประเทศแรก
ส่วนประธานาธิบดีบารัค โอบามา ของสหรัฐฯ โทรศัพท์มาแสดงความยินดีเช่นกัน พร้อมกับเชื้อเชิญให้เดินทางไปเยือนทำเนียบขาว ก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำจี 8 ที่แคมป์เดวิดในเดือนนี้ จากนั้นออลลองด์ก็จะเข้าร่วมประชุมสุดยอดนาโต้ที่นครชิคาโก้ ซึ่งนายออลลองด์ มีแผนจะประกาศถอนทหารฝรั่งเศสออกจากอัฟกานิสถานภายในสิ้นปีด้วย

คำขวัญของกรุงเทพมหานคร 

กรุง​เทพฯ ดุจ​เทพสร้าง ​เมืองศูนย์กลาง​การปกครอง วัด วัง งาม​เรืองรอง ​เมืองหลวงของประ​เทศ​ไทย 


ต้นกำเนิดวันแม่แห่งชาติ 

ประวัติของวันแม่เป็นเวลาหลายศตวรรษเก่าและแม่ตั้งแต่ของการเฉลิมฉลองวันสามารถตรวจสอบกลับไปฉลองฤดูใบไม้ผลิของกรีกโบราณในเกียรติของนกกระจอกเทศแม่ของพระเจ้า ในช่วง 1600 ของคริสตชนยุคแรกในประเทศอังกฤษฉลองวันเพื่อเป็นเกียรติแก่แมรี่แม่ของพระคริสต์ ตามคำสั่งทางศาสนาในวันหยุดได้มีการขยายต่อไปในขอบเขตที่จะรวมมารดาทั้งหมดและมีชื่อเป็นมารดาอาทิตย์ เฉลิมฉลองใน 4 อาทิตย์ของเข้าพรรษา (ระยะเวลา 40 วันนำไปสู่​​ Easter), "มารดาอาทิตย์" เกียรติมารดาของอังกฤษ
ในช่วงเวลานี้หลายประเทศอังกฤษไม่ดีทำงานเป็นคนรับใช้สำหรับผู้มั่งคั่ง ในฐานะที่เป็นงานส่วนใหญ่อยู่ไกลจากบ้านของพวกเขา, คนรับใช้จะไปอยู่ที่บ้านของนายจ้าง เกี่ยวกับมารดาอาทิตย์, คนรับใช้จะมีวันออกและถูกกระตุ้นให้กลับบ้านและใช้จ่ายวันกับแม่ของพวกเขา เค้กพิเศษที่เรียกว่าเค้กแม่ก็ถูกนำตัวมักจะพร้อมที่จะให้สัมผัสเทศกาล
ในฐานะที่เป็นคริสต์ศาสนาแผ่กระจายไปทั่วยุโรปเฉลิมฉลองการเปลี่ยนแปลงเพื่อเป็นเกียรติกับ "คริสตจักรแม่" - พลังทางจิตวิญญาณที่ทำให้พวกเขามีชีวิตและป้องกันพวกเขาจากอันตราย เมื่อเวลาผ่านไปเทศกาลคริสตจักรผสมกับการเฉลิมฉลองวันอาทิตย์ที่เป็นมารดา คนเริ่มนับถือแม่ของพวกเขาเช่นเดียวกับคริสตจักร
ด้วยกาลเวลาการปฏิบัติของประเพณีที่ยอดเยี่ยมนี้หยุดช้า ชาวอาณานิคมอังกฤษตั้งรกรากอยู่ในอเมริกายกเลิกประเพณีของมารดาอาทิตย์เพราะไม่มีเวลา
ในประเทศสหรัฐอเมริกา, วันแม่เป็นแรงบันดาลใจอย่างอิสระโดยวันบริติชและถูกเสนอครั้งแรกหลังจากสงครามกลางเมืองโดย Julia กิจกรรมทางสังคมเลียวอร์ด ฮาว (ที่เขียนคำให้สวดรบของสาธารณรัฐ) ถูกทำให้หวาดกลัวโดยการสังหารของสงครามกลางเมืองและ Franco-Prussian War และดังนั้นในปี 1870, เธอพยายามที่จะออกแถลงการณ์เพื่อความสงบสุขในที่ประชุมสันติภาพระหว่างประเทศในกรุงลอนดอนและ ปารีส (มันเป็นเหมือนการประกาศสันติภาพของแม่ภายหลังวัน) ในระหว่าง Franco-Prussian สงครามในยุค 1870, Julia เริ่มรณรงค์สันติภาพผู้หญิงคนหนึ่งและทำ "อุทธรณ์เพื่อความเป็นหญิง" เร่าร้อนที่จะลุกขึ้นต่อต้านสงคราม เธอแต่งขึ้นในบอสตันที่มีประสิทธิภาพข้ออ้างในปีเดียวกันนั้น (ถือโดยทั่วไปจะประกาศ * มารดาเดิม 'Day) แปลเป็​​นหลายภาษาและแจกจ่ายมันกันอย่างแพร่หลาย ใน 1872, เธอไปลอนดอนเพื่อส่งเสริมผู้หญิงระหว่างประเทศของสันติภาพในสภาคองเกรส เธอเริ่มการส่งเสริมความคิดของ "วันแม่แห่งชาติเพื่อสันติภาพ" ที่จะเฉลิมฉลองใน 2 มิถุนายนเคารพสันติภาพมารดาและหญิง ในมวลบอสตันเธอเริ่มปฏิบัติวันแม่ 'สันติภาพเมื่อวันอาทิตย์ที่สองในเดือนมิถุนายนปฏิบัติที่ถูกจัดตั้งขึ้นเป็นงานประจำปีและการฝึกฝนเป็นเวลาอย่างน้อย 10 ปี วันนี้ แต่ตั้งใจส่วนใหญ่เป็นสายที่จะรวมกันผู้หญิงต่อต้านสงคราม มันเป็นเพราะความพยายามของเธอที่ใน 1873, ผู้หญิงในเมือง 18 ในอเมริกาจัดขึ้นวันแม่แห่งชาติในการเก็บรวบรวม Pace Howe อย่างจริงจังปกป้องสาเหตุของการเฉลิมฉลองอย่างเป็นทางการของวันแม่และการประกาศของวันหยุดราชการในวันที่ เธอจัดประชุมทุกปีที่บอสตันในวันแม่แห่งชาติสันติภาพและเอาการดูแลในวันนั้นคือวันที่ดีสังเกต งานเฉลิมฉลองเสียชีวิตออกมาเมื่อเธอหันความพยายามของเธอที่จะทำงานเพื่อสันติภาพและสิทธิสตรีในรูปแบบอื่น Howe ล้มเหลวในความพยายามของเธอที่จะได้รับการยอมรับอย่างเป็นทางการของวันแม่แห่งชาติเพื่อสันติภาพ ผลงานที่โดดเด่นของเธอในสถานประกอบการของวันแม่แห่งชาติ แต่ยังคงอยู่ในความจริงที่ว่าเธอจัดวันแม่ที่อุทิศตนเพื่อความสงบสุข มันเป็นสถานที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของว​​ันแม่แห่งชาติในความหมายที่ว่านี้คือการเป็นผู้นำที่แม่สมัยใหม่ของการเฉลิมฉลองวัน รับทราบความสำเร็จของ Howe แสตมป์ออกในเกียรติของเธอในปี 1988
มันควรจะดีจำไว้ว่าคิดของ Howe ได้รับอิทธิพลจากแอนมารีรีฟส์จาร์วิส, แม่บ้าน Appalachian หนุ่มที่เริ่มต้นในปี 1858 ได้พยายามที่จะปรับปรุงสุขาภิบาลผ่านสิ่งที่เธอเรียกว่า "วันแม่มิตรภาพ" ใน 1900 ของในช่วงเวลาที่ผู้หญิงส่วนใหญ่อุทิศเวลาของตน แต่เพียงผู้เดียวในครอบครัวและบ้านของพวกเขา, จาร์วิสได้ทำงานเพื่อช่วยในการรักษาของประเทศหลังจากสงครามกลางเมือง เธอจัดผู้หญิงทั่วสงครามกลางเมืองในการทำงานสำหรับสภาพสุขาภิบาลที่ดีกว่าสำหรับทั้งสองฝ่ายและใน 1868 เธอเริ่มทำงานกระทบสหภาพพันธมิตรและเพื่อนบ้าน แอนเป็นเครื่องมือในการบันทึกหลายพันชีวิตโดยการสอนสตรีในมารดาคลับของเธอมิตรภาพพื้นฐานของการพยาบาลและการสุขาภิบาลที่เธอได้เรียนรู้จากแพทย์น้องชายที่มีชื่อเสียงของเจมส์เธอรีฟส์, แมรี่แลนด์ในส่วนของประเทศสหรัฐอเมริกาเป็นประเพณีที่มะเขือเทศพืชนอกบ้านหลังจากที่แม่ วันทำงาน (และไม่ได้ก่อน)
มันคือลูกสาวจาร์วิส 'แอนนาจาร์วิสที่ประสบความสำเร็จที่สุดในการแนะนำวันแม่แห่งชาติในความหมายที่เราเฉลิมฉลองกันวันนี้ แอนนาจบการศึกษาจากวิทยาลัยหญิงในวีลลิงและสอนในกราฟตันในขณะที่ หลังจากที่เธอย้ายไปอยู่ที่ฟิลาเดลกับครอบครัวของเธอ แอนนาก็ใช้เวลาหลายปีกำลังมองหาหลังจากที่แม่ของเธอไม่สบาย นี่คือเหตุผลที่เธอต้องการที่จะอยู่เทื้อ เมื่อแม่ของเธอเสียชีวิตในฟิลาเดลเมื่อ 9 พฤษภาคม 1905, Anna พลาดของเธออย่างมาก น้องสาวของเธอไม่ดังนั้น Elsinore ซึ่งเธอมองหลังเช่นกัน แอนนารู้สึกว่าเด็กมักจะละเลยที่จะชื่นชมแม่ของพวกเขามากพอในขณะที่แม่ยังมีชีวิตอยู่ ตอนนี้เธอตั้งใจที่จะเริ่มต้นวันแม่เป็นเคารพของมารดา ใน 1907, สองปีหลังจากการตายของแม่ของเธอแอนนาจาร์วิสเปิดเผยความตั้งใจของเธอกับเพื่อนของเธอที่ได้รับการสนับสนุนสาเหตุของเธอด้วยใจจริง ได้รับการสนับสนุนดังนั้นโดยเพื่อน ๆ ของเธอแอนนาตัดสินใจที่จะอุทิศชีวิตของเธอมาจากสาเหตุที่แม่ของเธอและเพื่อสร้างวันแม่ที่จะ "ให้เกียรติมารดาที่อาศัยอยู่และตาย." เธอเริ่มการรณรงค์เพื่อสร้างวันแม่แห่งชาติ กับเพื่อน ๆ ของเธอเธอเริ่มแคมเปญการเขียนจดหมายเพื่อกระตุ้นให้รัฐมนตรีและนักธุรกิจในสภาประกาศวันหยุดวันแม่แห่งชาติ เธอหวังว่าวันแม่จะเพิ่มความเคารพต่อพ่อแม่และเสริมสร้างความพันธบัตรครอบครัว
เป็นผลจากความพยายามของเธอในวันแม่ครั้งแรกของถูกสังเกตเมื่อ พ.ค. 10, 1908, โดยบริการคริสตจักรความเคารพปลายนางรีสจาร์วิส, แอนดรูใน Methodist Church ในกราฟตัน, เวสต์เวอร์จิเนียซึ่งเธอใช้เวลา 20 ปีเรียนโรงเรียนวันอาทิตย์ กราฟเป็นบ้านศาลเจ้าวันแม่สากล บริการอื่น ๆ อีกได้ดำเนินการยังอยู่ในวันเดียวกันในฟิลาเดลที่นางจาร์วิสเสียชีวิตออกจากลูกสาวสองคนของเธอแอนนาและ Elsinore ดังนั้นมันเป็นมากขึ้นในการให้บริการแสดงความเคารพสำหรับนางรีฟส์จาร์วิสมากกว่าหนึ่งทั่วไปที่ดำเนินการในเกียรติของมารดา แต่นี้ตั้งเวทีสำหรับคุณแม่ในภายหลังของ observances วันที่จัดขึ้นในเกียรติของมารดา
ต่อไปนี้จะได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายทั่วประเทศ วันแม่แห่งชาตินานาชาติสมาคมเข้ามาเป็นที่ 12 ธันวาคม 1912 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีความหมาย observances ของเหตุการณ์ ความฝันของแอนนามาจริงเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคม 1914 ประกาศประธานาธิบดีประกาศ 2 อาทิตย์ของเดือนพฤษภาคมที่จะสังเกตว่าเป็นวันแม่แห่งชาติเพื่อเป็นเกียรติแก่มารดา
มันอยู่ที่นี่ในการปฏิบัติครั้งแรกที่คาร์เนชันถูกนำโดยนางสาวจาร์วิส ขวดขนาดใหญ่ของคาร์เนชันสีขาวถูกกำหนดเกี่ยวกับแพลตฟอร์มที่ใช้บริการได้ดำเนินการ ในตอนท้ายของการออกกำลังกายอย่างใดอย่างหนึ่งดอกคาร์เนชั่นสีขาวเหล่านี้ได้รับจนถึงปัจจุบันแต่ละคนเป็นของที่ระลึกจากวันแม่ ทั้งหมดนี้ได้ทำเพราะปลายพี่จาร์วิสก็ชอบดอกคาร์เนชั่น
จากนั้นกำหนดเองติด - การแพร่กระจายในที่สุดถึง 45 รัฐ ประกาศวันแม่ครั้งแรกของถูกที่ออกโดยรัฐเวสต์เวอร์จิเนียในปี 1910 โอคลาโฮมาเฉลิมฉลองในปีเดียวกันนั้น มันกวนในลักษณะเดียวกันในที่ไกลออกไปทางทิศตะวันตกเป็นรัฐวอชิงตัน และโดย 1911 มีไม่รัฐในสหภาพที่ไม่ได้มีข้อวัตรของตัวเองสำหรับวันแม่ เร็ว ๆ นี้ก็ข้ามเขตแดนแห่งชาติเป็นคนในเม็กซิโก, แคนาดา, South America, จีน, ญี่ปุ่นและแอฟริกาทั้งหมดเข้ามาร่วมสนุกสนานเพื่อฉลองวันแม่เพื่อความรัก
วันแม่แห่งชาตินานาชาติสมาคมเข้ามาเป็นที่ 12 ธันวาคม 1912 เพื่อส่งเสริมและสนับสนุนให้มีความหมาย observances ของเหตุการณ์ เริ่มต้นจากปี 1912, วันแม่แห่งชาติเริ่มที่จะประกาศอย่างเป็นทางการในวันหยุดโดยบางรัฐ ความฝันของแอนนามาจริงเมื่อในปี 1914, ประธานาธิบดีวูดโรว์วิลสันประกาศวันแม่แห่งชาติแรกเป็นวันสำหรับพลเมืองอเมริกันที่จะแสดงธงในเกียรติของมารดาผู้ที่มีบุตรเสียชีวิตในสงคราม
ของสภาผู้แทนราษฎรพฤษภาคม 1913 มีมติเป็นเอกฉันท์มติร้องขอประธานคณะรัฐมนตรีของเขาเป็นสมาชิกของบ้านทั้งสองและเจ้าหน้าที่ทั้งหมดของรัฐบาลกลางที่จะสวมใส่สีชมพูสีขาวในวันแม่แห่งชาติ On May 7,1914 มติให้ที่สองในวันอาทิตย์ที่อาจกำหนดวันแม่แห่งชาติถูกนำโดยผู้แทนเจมส์ตันเฮฟลินจากอลาบามาและมอร์ริสวุฒิสมาชิก Sheppard จากเท็กซัส มันผ่านบ้านทั้งสองและวันที่ 9 พฤษภาคม 1914, ประธานาธิบดีวูดโรว์วิลสันทำประกาศอย่างเป็นทางการครั้งแรกประกาศวันแม่เป็นวันหยุดประจำชาติที่จะจัดขึ้นในแต่ละปีเมื่อวันอาทิตย์ที่ 2 ของเดือนพฤษภาคม เขาถามชาวอเมริกันที่จะให้การแสดงออกของประชาชนเคารพมารดาผ่านการเฉลิมฉลองของวันแม่แห่งชาติ:
"ตอนนี้ดังนั้นผม, วูดโรว์วิลสันประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกาของอเมริกาโดยอาศัยอำนาจของผู้มีอำนาจตกเป็นของฉันโดยกล่าวว่าการแก้ปัญหาร่วมกันจะขอนำเจ้าหน้าที่ของรัฐที่จะแสดงธงชาติสหรัฐอเมริกาในทุกสถานที่ราชการและทำ เชิญบุคคลจากประเทศสหรัฐอเมริกาเพื่อแสดงธงที่บ้านหรือสถานที่อื่นที่เหมาะสมเมื่อวันอาทิตย์ที่สองของพวกเขาในเดือนพฤษภาคมเป็นแสดงออกของประชาชนของความรักและความเคารพของเราสำหรับคุณแม่ของประเทศของเรา. "
และการออกประกาศวันแม่แห่งชาติได้ตั้งแต่นั้นเคยประชุม
เก้าปีหลังจากวันแม่อย่างเป็นทางการครั้งแรกของการค้าของสหรัฐในวันหยุดเพื่อให้กลายเป็นอาละวาดว่าแอนนาจาร์วิสตัวเองก็กลายเป็นฝ่ายตรงข้ามที่สำคัญของสิ่งที่หยุดได้กลายเป็น ในขณะที่ได้รับเกียรติให้เป็นส่วนหนึ่งของเธอในการเจริญเติบโตของวันหยุดชีวิตสุดท้ายที่แอนนาจาร์วิส 'คืออนาถ ในฐานะที่เป็นแบบแผนของวันแม่มีความสุขเพิ่มความนิยม, มิติใหม่ที่จะมาเพิ่มลงไป นี้ทำให้แอนนาจาร์วิสแยแสกับการสร้างของเธอเอง แม้ว่าจิตวิญญาณเดิมของมารดานับถือเหมือนเดิมสิ่งที่เริ่มเป็นบริการที่ทางศาสนาขยายตัวได้อย่างรวดเร็วในการปฏิบัติฆราวาสมากขึ้นนำไปสู่​​การให้ดอกไม้การ์ดและของขวัญ และแอนนาจาร์วิสก็ไม่สามารถที่จะรับมือกับการเปลี่ยนแปลงโหมดนี้ในการแสดงออก
ในปี 1934 ไปรษณีย์ทั่วไป James A. Farley ประกาศแสตมป์ที่ระลึกวันแม่ แสตมป์ที่โดดเด่นจิตรกรรม "จัดอยู่ในสีเทาและสีดำ" ที่มีชื่อเสียง จิตรกรรมคือภาพของมารดาของเจมส์แอ๊บบอต McNeill Whistler, ศิลปินอังกฤษ มันถูกนำไปสหรัฐอเมริกาเป็นส่วนหนึ่งของการจัดแสดงในปี 1934
วันแม่แห่งชาติอย่างต่อเนื่องไปในวันนี้จะเป็นหนึ่งในที่สุดที่ประสบความสำเร็จในเชิงพาณิชย์ในโอกาสสหรัฐ ตามที่สมาคมร้านอาหารแห่งชาติ, วันแม่แห่งชาติในขณะนี้วันที่นิยมมากที่สุดของปีที่จะรับประทานอาหารที่ร้านอาหารที่ออกในประเทศสหรัฐอเมริกา เนื่องในโอกาสการเฉลิมฉลองในขณะนี้ไม่มากที่มีธงเช่นเดียวกับของขวัญ, การ์ด, กอด, thank yous สัญญาณและอื่น ๆ ของความเสน่หา ในขณะที่หลายประเทศทั่วโลกฉลองวันแม่ของตัวเองในวันที่แตกต่างกันและเวลาที่ต่างกันตลอดทั้งปีมีบางประเทศเช่นเดนมาร์ก, ฟินแลนด์, อิตาลี, ตุรกี, ออสเตรเลีย, และเบลเยี่ยมซึ่งยังเฉลิมฉลองวันแม่แห่งชาติวันอาทิตย์ที่สองของการเป็น พฤษภาคม ในบางประเทศที่แข็งเป็นเวลาสองวัน
วันนี้วันแม่เป็นวันแม่ที่เคารพ, เฉลิมฉลองในวันต่างๆในหลายสถานที่ทั่วโลก มันเป็นวันที่ท่านได้รับทราบผลงานของคุณแม่ในชีวิตของคุณและจ่ายส่วยให้กับเธอมักจะมีดอกไม้และของขวัญ มันเติมเต็มวันพ่อ, เฉลิมฉลองความเคารพบรรพบุรุษ
ประวัตินายหวังเต๊ะ

ครูหวังเต๊ะ


นายหวังดี นิมา หรือ เป็นที่รู้จักกันดีว่า “หวังเต๊ะ” เกิดเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ.2468 ปัจจุบันพักอาศัย ที่ตำบลหน้าไม้ อำเภอลาดหลุมแก้ว จังหวัดปทุมธานี หวังเต๊ะ เป็นศิลปินผู้มีความสามารถเป็นเลิศ ด้านศิลปะเพลงพื้นบ้าน มีความชำนาญเป็นพิเศษในการแสดงลำตัด โดยตั้งชื่อคณะว่า “ลำตัดหวังเต๊ะ” รับงานแสดงเป็นอาชีพมาจนถึงปัจจุบันกว่า 40 ปี จนชื่อหวังเต๊ะแทบจะกลายเป็นสัญลักษณ์ ของลำตัด กล่าว ได้ว่า หวังเต๊ะ เป็นศิลปินผู้สร้างสรรค์และสืบทอดศิลปะ การแสดงพื้นบ้าน ให้ยืนยงอยู่ได้อย่างน่า ภาคภูมิใจยิ่ง
นอกจากนั้น ครูหวังเต๊ะ ยังเป็นศิลปินผู้มีคุณธรรมได้ใช้ศิลปะการแสดงเป็นสัมมาชีพอย่างซื่อสัตย์ตลอดมา ทั้งได้ถ่ายทอดศิลปะวิชาให้แก้ทั้งบุคคลในคณะและสถาบันต่างๆ อย่างสม่ำเสมอ นับได้ว่า หวังเต๊ะ เป็นศิลปิน ที่ได้บำเพ็ญประโยชน์ ทั้งด้านสร้างสรรค์และอนุรักษ์ศิลปะ อันเป็นสมบัติทางวัฒนธรรมไทย มาตลอด ระยะเวลายาวนาน จนได้รับการเชิดชูเกียรติเป็น ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (เพลงพื้นบ้าน) ประจำปี 2531
ในบั้นปลายชีวิต ได้ป่วยเป็นโรคมะเร็งตับ ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2554 ได้เข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จนกระทั่งถึงวันที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2555 ก็ถึงแก่กรรม สิริอายุได้ 87 ปี

ศรคีรี ศรีประจวบ - ตำนานลูกคอ 7 ชั้น 
สงอม ทองประสงค์ หรือ ศรคีรี ศรีประจวบ  เกิดวันที่ 4 มีนาคม 2487 ที่บ้านเลขที่ 13 บ้านหนองอ้อ ต. บางกระบือ อ.บางคณที จ.สมุทรสงคราม มีชื่อเล่นว่าน้อย เป็นบุตรนายมั่ง นางเชื้อ ทองประสงค์ ครอบครัวมีอาชีพทำน้ำตาลปี๊บมีพี่น้อง 6 คน เขาเป็นคนสุดท้อง เรียนจบการศึกษาชั้นประถมศึกษาปีที่ 4 จากโรงเรียนพรหมสวัสดิ์สาธร หลังจบการศึกษาก็มาช่วยครอบครัวปาดตาล (มะพร้าว) โดยระหว่างที่ พักเหนื่อยอยู่บนยอดมะพร้าวก็มักจะร้องเพลงอยู่บนนั้น จนหายเหนื่อยแล้วค่อยทำงานต่อ เพลงที่ชอบร้องก็มี "เสือสำนึกบาป" , "ชายสามโบสถ์" เพราะตอนนั้นเพลงของคำรณ สัมบุณนานนท์ กำลังฮิต ตอนนั้นเขาอยากเป็นนักร้องใจแทบขาด เวลาวงดนตรีของครู พยงค์ มุกดา มาแสดงใกล้บ้าน เขาก็ไปสมัครร้องเพลง แต่พอร้องให้ครูพยงค์ฟัง แกก็บอกว่าให้ไปหัดร้องมาใหม่ เขาพยายามอยู่ 2 ครั้ง ครูพยงค์ก็บอกว่ายังไม่ดี เขาเลยท้อและเลิกไปเอง จากนั้นพออายุ 20 ปี บวชได้พรรษาหนึ่งก็สึก ตอนนั้นพ่อแม่เขาไปซื้อไร่ทำสัปปะรดที่ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์ เขาก็เลย ย้ายไปที่นั่น


แต่ประวัติอีกกระแสบอก ว่า เพราะรักครั้งแรกเป็นพิษขณะที่บวช เมื่อว่าที่พ่อตาให้ลูกสาวแต่งงานกับชายอื่น เขาจึงเตลิดหนีออกจากบ้านมาอยู่กับพี่ชายที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ โดยพี่ชายแบ่งไร่สับปะรดให้ทำ

จะอย่าง ไรก็ตาม ที่นี่ เขาได้เริ่มร้องเพลงอีกครั้ง โดยเข้าประกวดร้องเพลงตามงานวัด และคว้ารางวัลมากมาย จนเพื่อนชื่อ พยงค์ วงศ์สัมพันธ์ ชวนให้ร่วมวงที่เช่าเครื่องดนตรี และจ้างครูดนตรีจากที่ค่าย "ธนะรัชต์" มาสอน เพื่อสร้างความสนุกในหมู่บ้าน ต่อมาเมื่อคนรู้จักมากขึ้น จึงตั้งวง "รวมดาววัยรุ่น" ที่ต่อ มาเปลี่ยนชื่อเป็น "รวมดาวเมืองปราณ" รับงานแสดงทั่วไปตามบ้านที่ขายสับปะรดได้โดยไม่คิดเงินทอง ตอนนั้นศรคีรีร้องเพลงแบบรำวง และใช้ชื่อ "พนมน้อย" เพราะร้องเพลงของ พนม นพพร และศักดิ์ชาย วันชัย ต่อมาได้นำวงมาแสดงในงานปีใหม่ของจังหวัด "ประหยัด สมานมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดได้ฟัง เสียง และเห็นหน้าก็รักใคร่ชอบพอ จึงเปลี่ยนชื่อให้เป็น ศรคีรี ศรีประจวบ

หลังจากนั้น วิจิตร ฤกษ์ศิลป์วิทยา คนอยู่ใกล้บ้านกันให้การสนับสนุนเพื่อสร้างวงดนตรีแข็งแรงขึ้นและพากันเข้า กรุงเทพฯ เพื่อเช่าเวลารายการวิทยุยานเกราะจาก จำรัส วิภาตะวัธ พวกเขาวิ่งขึ้นล่องกรุงเทพฯ - ประจวบฯอยู่บ่อยๆ และก็ได้พบกับ เพลิน พนาวัลย์ ที่พาเขาไปพบ ครูไพบูลย์ บุตรขัน ที่บ้าน ตามคำขอร้องของศรคีรี เพื่อขอเพลงมาร้อง

ภูพาน เพชรปฐมพร นักร้องที่ใกล้ชิดกับศรคีรีในวง “ รวมดาววัยรุ่น “ เล่าว่า ตอนไปขอเพลง ตอนนั้นครูมีนักร้องที่ดังมากคือ รุ่งเพชร แหลมสิงห์ เป็นลูกศิษย์เอกอยู่ ศรคีรีก็ร้องเพลงแนวเดียวกันกับรุ่งเพชร ครูไพบูลย์ก็จึงไม่ให้เพลง เขาจึงต้องเทียวไปเทียวมาอยู่หลายครั้ง จนครูใจอ่อน ประกอบกับตอนนั้นครูไพบูลย์ ผิดใจกับรุ่งเพชรด้วย

เพลงแรกที่ได้มาคือ น้ำท่วม ตอนที่บันทึกเพลงนี้ น้ำเกิดท่วม จ. ประจวบคีรีขันธ์พอดี เสียหายอย่างมาก สับปะรดถูกน้ำท่วมทั้งหมด นอกจากนั้น ครูก็ยังให้เพลงมาอีก 3 เพลง คือ"บุพเพสันนิวาส" , "แม่ค้าตาคม" , "วาสนาพี่น้อย" สำหรับการบันทึกเสียงครั้งแรกนั้น ชุดแรกมีทั้งหมด 6 เพลง คือ น้ำท่วม, บุพเพสันนิวาส, วาสนาพี่น้อย, แม่ค้าตาคม, พอหรือยัง และบางช้าง งานนี้ ศรคีรี เปลี่ยนสภาพจากนักร้องเพลง รำวง มาเป็น นักร้องเพลงหวานโดยสมบูรณ์

หลังจากเพลงเริ่มเป็นที่รู้จัก ศรคีรีลงมาอยู่กรุงเทพฯ แต่ยังไม่นำวงดนตรีมาด้วย โดยจะนำมาก็แต่เมื่อมีงาน ครั้งแรกในกรุงเทพฯ เขาเปิดการแสดงงานศพน้องชายครูไพบูลย์ที่วัด หลักสี่ บางเขน จากนั้นวงก็เริ่มรับงานในกรุงเทพฯ และเดินสายทั่วประเทศ ซึ่งในการออกเดินสายใต้เป็นครั้ง แรก วงประสบความสำเร็จอย่างงดงาม จัดว่าเป็นวงที่มีค่าตัวแพงวงหนึ่ง ช่วงนั้นศรคีรีได้มีโอกาสแสดงหนังของ ครูรังสี ทัศนพยัคฆ์ เรื่อง "มนต์รักจากใจ" ด้วย

ต่อมาศรคีรีมีชื่อเข้าไปพัวพันคดีสังหารคนในวงการด้วยกัน ชื่อเสียงฟจึงตกลงไปบ้าง แต่ในที่สุดก็พิสูจน์ตัวเองได้ และกลับมาอีกครั้งในเพลง "ตะวันรอนที่หนองหาร" "อยากรู้ใจเธอ" รักแล้งเดือนห้า" "ลานรักลั่นทม" และ "คิดถึงพี่ไหม" ซึ่งเพลงหลังนี้ ขณะบันทึกเสียงศรคีรีร้องโดยปิดไฟมืด ซึ่งเขาไม่เคยทำมาก่อน เพลงนี้แต่งโดย พยงค์ มุกดา โดย ทิว สุโขทัย เคยร้องไว้เป็นคนแรกและเสียชีวิตไปหลังจากที่ร้องไว้ไม่นาน และเพลงนี้ก็เป็นเพลงสุดท้ายที่ศรคีรีได้บันทึกเสียงไว้ด้วย

ก่อนเสียชีวิต ศรคีรีเคยไปทำการแสดงที่โรงหนังเอกมัยราม่า มีคนนำเอาพวงมาลัยดอกไม้สด แต่คาดด้วยผ้าดำแบบที่ทำไว้สำหรับคนตายมอบให้บนเวทีขณะร้องเพลง ศรคีรีรับไว้ด้วยความเกรงใจ เมื่อกลับเข้าหลังเวที ศรคีรีสั่งเลิกการแสดงคืนนั้นทันทีทั้งที่ร้องเพลงได้เพียง 5 เพลง

ด้วยวัยแค่ 32 ปี ศรคีรี ศรีประจวบ จากโลกนี้ไปเมื่อ 30 มกราคม 2515 ด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน ประมาณ 03.00 - 05.00 น.บริเวณริมถนนสายเอเชีย อ.พรานกระต่าย จ.กำแพงเพชร ขณะเดินทางกลับจากการแสดงที่วัดหน้าพระธาตุ อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์เข้ากรุงเทพฯ เพื่อเปิดทำการแสดงที่วัดภาษี เอกมัย ในตอนค่ำ คาดว่าคนขับรถของศรคีรีเกิดง่วงนอน จึงจอดรถเก๋งโตโยต้าคราวน์ข้างทางเพื่อพักสักงีบ แต่ปรากฏว่ารถบรรทุกไม้ วิ่งมาด้วยความเร็วสูงประกอบกับบริเวณนั้นเป็นสะพานสูง เมื่อรถบรรทุกไม้วิ่งมาด้วยความเร็ว เมื่อถึงสะพานก็ทำให้รถกระโดดเสียหลัก ขึ้นไปทับรถของศรคีรี ทำให้เขาเสียชีวิตคาที่

หลังแสดงวันนั้น ลูกวงได้ออกเดินทางมายังจุดนัดพบที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งก่อน แต่หลังจากที่ลูกวงรออยู่นาน หัวหน้าวงยังเดินทางมาไม่ถึง จึงออกเดินทางต่อ แต่วิ่งไปสักระยะหนึ่ง ก็มีรถพลเมืองดีวิ่งไล่ตามและเรียกให้จอด เพื่อแจ้งข่าวเรื่องการประสบอุบัติเหตุของรถของศรคีรี หลังพบใบปลิวการแสดงปลิวออกจากรถศรคีรีเกลื่อนกลาด หลังรถบัสวิ่งกลับไปก็พบศพดังกล่าว ข้อมูลบางแหล่งบอกว่า ศรคีรี เสียชีวิตประ มาณ 8.00 น.ซึ่งเวลาดังกล่าวน่าจะเป็นเวลาพบศพมากกว่า

ก่อนเสียชีวิต ศรคีรี สมรสแล้ว โดยมีบุตรธิดารวม 3 คน เป็นชาย 2 หญิง 1 ชื่อ สมศักดิ์ ,ชนัญญา และสันติ


ครูไพบูลย์ บุตรขัน เคยเขียนไว้อาลัยการจากไปของศรคีรีว่า "แด่สุดรัก เธอเกิดมาเป็นผู้กล่อมโลก ฉันเป็นผู้ถ่ายทอดอารมณ์ บัดนี้เธอจากโลกไปแล้วเหลือเพียงเสียงเพลง ศรคีรี ศรีประจวบ ฉันเสียดาย เสียดายจริงๆ เพราะเธอควรจะอยู่กล่อมโลกให้นานกว่านี้ "

เพลง ที่เอามาให้ฟังวันนี้มีชื่อว่า " พอหรือยัง" ประพันธ์คำร้อง ทำนองโดยครูชลธี ธารทอง คนเมืองชลเช่นเดียวกับผม ที่ต่อมาได้รับสมญาว่า " เทวดาเพลง" เพราะในยุครุ่งเรือง ไม่ว่าแต่งเพลงอะไร ดังเกือบทั้งหมด สำหรับเพลงนี้ มีประวัติความเป็นมาน่าสนใจมาก แทบจะนำไปสร้างเป็นนิยายชั้นดีได้เลยทีเดียว เพราะมีทั้งการชิงรักหักสวาท โชคชะตาชีวิต การคดโกง การหักหลังเพื่อน แต่สุดท้ายก็จบลงแบบ แฮปปี้เอนดิ้ง

ชลธี ธารทอง เข้าสู่วงการลูกทุ่งเพราะร้องเพลงเพราะ และชอบร้องเพลง ไปๆมาๆเขาก็ได้มาเป็นนักร้องประจำวง" รวมดาวกระจาย " ของครูสำเนียง ม่วงทอง (ผู้ประพันธ์เพลง " แอบรักแอบคิดถึง" ที่ต่าย อรทัย นำกลับมาร้องใหม่และกำลังดังอยู่ในปัจจุบัน) ชลธี ธารทองมีโอกาสบันทึกแผ่นเสียงอยู่ 4 เพลง แต่ไม่ดังสักเพลง แต่ระหว่างที่เป็นนักร้องอยู่นั้น เขาก็หัดการแต่งเพลงไปด้วย โดยสอบถามเอากับหัวหน้าวงอย่างครูสำเนียง

ระหว่างที่อยู่กับวง ชลธี ธารทอง ไปปักใจสมัครรักใคร่กับนักร้องสาวร่วมวงอีกคน ซึ่งเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา เธอก็ดูเหมือนว่าจะมีใจให้กับเขาเช่นกัน ทำให้หนุ่มชลธีดีอกดีใจอยู่ไม่น้อย แต่หลังจากที่พบความจริงว่า จริงๆแล้วเธอหลอกเขา เพราะเธอแอบไปควงกับนักร้องในวงอีกคน ชลธีเสียใจอย่างมาก และแอบไปนั่งร่ำสุราบานเคล้าน้ำตา พร้อมกับแต่งเพลงขึ้นมาเพลงหนึ่งที่พูดถึงความเจ็บช้ำในครั้งนี้ ซึ่งเพลงนั้นก็คือเพลง "พอหรือยัง"ชลธี ธารทอง



เมื่อ แต่งเสร็จ และเหล้าหมด เขาก็กลับเข้าห้องพักในโรงแรม และได้ร้องเพลงนี้ระบายความเสียใจ เสียงเพลงของเขาก็ไปแทงใจสาวเจ้าที่พักอยู่ในห้องข้าง เธอจึงนำเรื่องไปฟ้องครูสำเนียงเรื่องที่ชลธี ธารทอง แต่งเพลงด่าทอเธอ แต่ก็ไม่เป็นผลแต่อย่างใด

ต่อมา นักร้องร่วมวงอีกคนหนึ่งเกิดมาได้ยินชลธี ธารทอง นำเพลงนี้มาร้องเล่นในยามว่าง จึงขอเพลงนี้เพื่อนำมาร้องที่หน้าเวที ซึ่งเขาก็อนุญาต และเพื่อนคนนี้ก็เคยได้รับรางวัลจากแฟนเพลงที่มาชมการแสดงจากการขับร้องเพลง " พอหรือยัง " ด้วย

ต่อมา นักร้องคนดังกล่าวออกไปอยู่กับวงดนตรีของศรคีรี ศรีประจวบ และเมื่อศรคีรี ซึ่งกำลังจะเริ่มดัง จากการปลุกปั้นของครูไพบูลย์ บุตรขัน ได้ฟังเพลงนี้ ก็เกิดชอบใจอยากจะนำมาร้องบันทึกเสียงบ้าง เมื่อสอบถามว่าเป็นผลงานการแต่ง ของใคร นักร้องคนดังกล่าวก็โกหกว่าเขาเป็นคนแต่งเอง

ศรคีรี ศรีประจวบ นำเพลงนี้มาบันทึกแผ่นเสียง โดยใช้ชื่อตัวเองว่าเป็นคนแต่ง เนื่องจากมีคนแนะนำว่า เขาน่าจะสร้างเครดิตให้กับตัวเอง เพราะตัวคนแต่งจริง (ซึ่งก็คือเจ้านักร้องคนนั้น) ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไร และก็ไม่น่าจะมีชื่อเสียงอะไรอีกในอนาคต

แต่หลังจากที่เพลงนี้ดังขึ้น ชลธีก็จึงได้รู้ว่าเพลงของเขาถูกขโมย และไปร้องเรียนเอากับศรคีรี หลังจากที่เรียกเอาฝ่ายที่เกี่ยวข้องมาสอบถาม เขาก็จึงได้รู้ความจริง จึงมีการขอโทษขอโพย และตอบแทนกันตามธรรมเนียม ซึ่งต่อมา ชลธีและศรคีรี ก็กลายเป็นเพื่อนซี้กันในที่สุด

นี่คือเพลงๆแรกของชลธี ธารทอง ที่ถูกนำไปบันทึกเสียง แต่มันก็ทำให้เขาต้องเริ่มกลับมานั่งคิดว่า จริงๆแล้ว เขาเหมาะสมกับงานไหนแน่ ระหว่างนักร้อง ที่พยายามมาหลายปี แต่กลับไม่ดัง กับนักแต่งเพลงที่ถูกนำไปบันทึกเสียงครั้งแรกและดังทันที

แต่ ถึงเพลงนี้จะดัง ชีวิตของชลธี กลับไม่ได้ดีขึ้น เพราะต้องไม่ลืมว่า บนแผ่นเสียงระบุว่าเพลงนี้เป็นผลงานการแต่งของศรคีรี และบางคนก็พาลคิดไปว่า มันเป็นผลงานของครูไพบูลย์ บุตรขัน ครูเพลงคู่บุญของศรคีรี เครดิตของเขาจึงไม่มี เพลงก็ขายไม่ค่อยได้ เป็นนักร้องก็ไม่ดัง แต่ขณะที่ชีวิตกำลังตกอับอย่างสุดๆอยู่นั้น เขาก็ได้เจอกับศรคีรีอีกครั้ง และศรคีรี ออกปากให้เขาแต่งเพลงมาให้อีก

หลังจากที่ชลธีบรรจงแต่งให้ สองเพลง และหวังเต็มที่ที่จะได้รับค่าแต่งเพลงก้อนงามๆอีกสักครั้ง แต่ยังไม่ทันที่จะนำไปเพลงไปเสนอ เขาก็ได้รับข่าวเศร้านั่นก็คือศรคีรี ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เสียชีวิต ชลธีที่ผิดหวังกับชีวิตในวงการเพลงของเขามาก ตัดสินใจทันทีว่าจะกลับไปใช้ชีวิตเป็นชาวไร่ชาวนาที่บ้านนอก จึงนำ 2 เพลงนี้ไปให้กับเด็กที่ทำงานอยู่ปั้มน้ำมันคนหนึ่งและอยากเป็นนักร้องแบบไม่ คิดค่าเพลง
สองเพลงนี้คือเพลง " ลูกสาวผู้การ " และ" แหม่มปลาร้า " และเจ้าหนุ่มคนนั้น ต่อมามีชื่อเสียงระเบิดระเบ้อทั่วฟ้าเมืองไทย ทุกคนรู้จักเขาในชื่อ " สายัณห์ สัญญา "